ความรู้ช่วยยุติการแพร่เชื้อเอชไอวี (HIV)

มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมายตั้งแต่ช่วงยุค 80 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในออสเตรเลีย ทุกวันนี้ เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี วิธีรักษา และป้องกันการแพร่เชื้ออย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก การทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี ไม่ใช่เฉพาะแต่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง แต่ยังรวมถึงสังคมในวงกว้างนั้น เป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยยุติการแพร่เชื้อเอชไอวี

การตีตราเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีและการแพร่ระบาดในช่วงต้น

เชื้อเอชไอวียังคงถูกตีตราและเข้าใจผิด ซึ่งยังคงมีอยู่แม้ในปัจจุบันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อผิดๆและข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาด

ในช่วงยุค 80 ผู้คนเริ่มล้มป่วย ป่วยหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันคือโรคอะไร เกิดจากอะไร หรือจะสามารถป้องกันมันได้อย่างไร ความหวาดกลัวนั้นเกิดขึ้นจริงและได้กลายมาเป็นความตื่นตระหนกทางศีลธรรม ซึ่งนำไปสู่การกล่าวโทษกลุ่มผู้รักเพศเดียวกันและผู้รักร่วมสองเพศ (ไบเซ็กชวล) ผลที่ตามมาคือ? ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อเชื้อเอชไอวีมากที่สุดนั้น กลับถูกประนามจนทำให้ไม่มีสิทธิ์มีเสียง และต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว นั่นหมายความว่า ผู้คนที่สามารถจะให้ความช่วยเหลือได้นั้นมีความกลัวที่จะออกมาช่วย และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่สามารถได้รับการช่วยเหลือ

เราสามารถเอาชนะผลกระทบด้านลบของการตีตราเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีได้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้น ลองมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่องมงายที่เกี่ยวกับ เชื้อเอชไอวี และเรียนรู้ว่าการรักษาเชื้อเอชไอวีสมัยใหม่ จะมีประโยชน์ต่อทุกคนในชุมชนของเราและสังคมในวงกว้างได้อย่างไรกันเถอะ

เอชไอวีและเอดส์นั้นไม่เหมือนกัน

เอชไอวีและเอดส์มีความเชื่อมโยงกัน แต่ไม่เหมือนกัน เอชไอวี หมายถึง เชื้อไวรัสที่ทำให้ภาวะภูมิคุ้มกันของมนุษย์บกพร่อง (Human Immunodeficiency Virus) เป็นไวรัสที่โจมตีระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ

เอดส์ หรือกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นภาวะที่เชื้อเอชไอวีได้ทําให้ระบบภูมิคุ้มกันของใครสักคนอ่อนแอลงอย่างรุนแรงมาเป็นเวลายาวนาน ทําให้พวกเขาเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมะเร็งที่คุกคามชีวิต

ทุกวันนี้ โรคเอดส์แทบจะหมดไปจากออสเตรเลีย และแทบจะไม่มีให้พบเห็นแล้ว ในขณะที่ยังมีผู้คนที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเชื้อเอชไอวี พวกเขาก็สามารถเข้าถึงการรักษาดูแลได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยการรักษาเชื้อเอชไอวีที่ทันสมัย ซึ่งมีให้บริการฟรีในรัฐนิวเซาท์เวลส์

อุปสรรคสำคัญที่สุดที่หยุดผู้คนไม่ให้รับการตรวจเชื้อเอชไอวี ก็คือการถูกตีตรา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าทุกวันนี้มันง่ายและปลอดภัยแค่ไหน

การมีเชื้อเอชไอวีไม่ใช่โรคร้ายที่ต้องจบชีวิตอีกต่อไป

สําหรับคนส่วนใหญ่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ การใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อเอชไอวีไม่ใช่การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดอีกต่อไป โดยผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าถึงการรักษาและการดูแลสุขภาพที่ก้าวหน้ามีประสิทธิภาพได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

การรักษาเอชไอวีแบบสมัยใหม่ช่วยลดระดับปริมาณไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพจนคุณสามารถมีระบบภูมิคุ้มกันที่ทํางานได้ตามปกติ
เมื่อคุณเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และรรักษาจนถึงระดับปริมาณไวรัสในร่างกายลดลงจนถึงระดับที่ตรวจไม่เจอ หรือที่เรียกว่า undetectable โดยมันไม่เพียงแต่ทําให้คุณแข็งแรงดีเท่านั้น แต่ยังป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังคู่ของคุณอีกด้วย

ต้องขอบคุณการรักษาที่มีประสิทธิภาพในปัจจุบัน ที่ทําให้ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีในออสเตรเลียที่เข้ารับการรักษาจะไม่มีวันพัฒนาไปสู่เอดส์หรือเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่คุกคามถึงชีวิต

คุณไม่สามารถรับเชื้อเอชไอวีได้จากการสัมผัสหรือการจูบ

เชื้อเอชไอวีไม่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสร่างกายหรือผ่านการจูบได้! ดังนั้นอย่าลังเลที่จะกอดหรือจูบคนรักของคุณ ตราบใดที่พวกเขาให้ความยินยอม!

สำหรับผู้ชาย เชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่จะอยู่ในเลือด น้ำอสุจิ ของเหลวจากองคชาตและทวารหนัก เชื้อเอชไอวีสามารถติดต่อได้ หากของเหลวจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีเหล่านี้ได้เข้าสู่กระแสเลือดของบุคคลอื่น

สําหรับ เกย์ ไบ และร่วมไปถึงผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย โดยทั่วไปจะผ่านการร่วมเพศแบบเป็นผู้รุกหรือผู้รับโดยไม่สวมใส่ถุงยางอนามัยหรือใช้การป้องกันเชื้อเอชไอวีแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะมีการแพร่เชื้อเอชไอวีผ่านการใช้อุปกรณ์การฉีดยา หรืออุปกรณ์การสักร่วมกันอีกด้วย

การแพร่เชื้อจะเกิดขึ้นได้ จําเป็นต้องมีเชื้อเอชไอวีที่เพียงพอในคู่นอนที่มีผลเลือดเป็นบวก ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีที่กําลังได้รับการรักษาและได้ลดปริมาณไวรัสให้อยู่ในระดับที่ ‘ตรวจไม่เจอ’ จะไม่สามารถแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังคู่นอนอื่นได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะมีผู้ที่ไม่ได้รับการตรวจเชื้อเอชไอวีมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และยังไม่ทราบสถานะของตน ดังนั้นคุณควรจะป้องกันตัวเองด้วยยาเพร็พ (PrEP) หรือถุงยางอนามัยเสมอ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีแพร่กระจายได้อย่างไรบนเว็บไซต์ Ending HIV และวิธีที่คุณจะอยู่อย่างปลอดภัย

ตรวจไม่เจอ = ไม่สามารถแพร่เชื้อได้

ปัจจุบัน เรามีความรู้เกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น ด้วยวิวัฒนาการของยาต้านเชื้อเอชไอวี ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเมื่อบุคคลใดได้รับการรักษาเชื้อเอชไอวีเป็นระยะเวลานาน พวกเขาสามารถลดปริมาณเชื้อเอชไอวีในร่างกายให้อยู่ในระดับที่ ‘ตรวจไม่เจอ’ ได้

การศึกษาวิจัยระดับนานาชาติหลายชิ้นได้พิสูจน์แล้วว่าบุคคลที่ตรวจไม่พบเชื้อไม่สามารถแพร่เชื้อเอชไอวีไปยังคู่นอนได้

หลายคนอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ในการที่ตรวจไม่พบหรือ ที่เรียกว่า ตรวจไม่เจอ = ไม่สามารถแพร่เชื้อได้ (Undetectable = Untransmittable)(หรือ U=U) ดังนั้นนี่จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับมัน ช่วยกระจายข้อมูลให้เพื่อนและคู่รักของเรา และเชื่อมั่นในหลักวิทยาศาสตร์

การตีตรายังคงมีหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นพวกเราต้องช่วยกันพูดถึงเรื่องนี้ออกมา

แม้ว่าเราจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น แต่มากกว่าหนึ่งในสามของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในออสเตรเลียยังคงเผชิญกับการตีตราในระดับหนึ่ง จากการศึกษาวิจัยของ HIV Futures 10 พบว่า 36 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมการวิจัยเคยประสบกับการตีตราเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีในบางรูปแบบในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

แล้วเราจะทําอะไรกับความรู้นี้ได้บ้าง เพื่อเป็นพันธมิตรที่ดีขึ้นสําหรับผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีได้อย่างไร

เราสามารถพูดและส่งเสียงออกมาได้ เมื่อคุณได้ยินว่ามีคนแสดงออกถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี บอกให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเข้าใจผิด และแบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้อง พิจารณาอคติของคุณเองที่คุณอาจมีต่อเชื้อเอชไอวี และเชื่อในหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เรื่อง U=U

หากร่วมมือกัน เราจะสามารถใช้ความรู้เพื่อยุติการแพร่เชื้อเอชไอวีได้