18 มีนาคม 15
Jack Gorman
ฉันสามารถติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากได้หรือไม่?
‘ฉันสามารถติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากได้หรือไม่’ เป็นคำถามที่เราถูกถามบ่อยๆ ผ่านเว็บไซต์ของเรา ดังนั้น วันนี้เราจะได้รวบรวมแนวทางของ ‘สิ่งที่คุณต้องรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับความเสี่ยงของการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก’
การมีเพศสัมพันธ์ทางปากเป็นอีกหนึ่งของกิจกรรมทางเพศที่ได้รับความนิยมในห้องนอน จากการศึกษาด้านสุขภาพและความสัมพันธ์ของชาวออสเตรเลีย (Australian Study of Health and Relationships – ASHR) เปิดเผยว่า 88% ของผู้ชายในออสเตรเลียเคยมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ดังนั้น อาจอธิบายเหตุผลได้ว่า ทำไมเราจึงถูกสอบถามด้วยคำถามที่สมเหตุสมผลนี้บ่อยครั้ง นั่นคือ การมีเพศสัมพันธ์ทางปากทำให้ฉันเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV หรือไม่?
ให้เรามาศึกษาอย่างละเอียดยิ่งขึ้น
การมีเพศสัมพันธ์ทางปากเสี่ยงขนาดไหน?
โดยทั่วไป การมีเพศสัมพันธ์ทางปากจัดได้ว่ามีความเสี่ยงต่ำมากต่อการแพร่เชื้อ HIV แต่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากมีแผล รอยถลอก หรือบาดแผลในปากหรือหลังจากขั้นตอนทันตกรรม เช่น การถอนฟัน คำแนะนำที่ดีที่สุดคือให้หลีกเลี่ยงน้ำอสุจิในปากหากอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้
จะเป็นอะไรไหมถ้ามี Precum เข้าในปากของฉัน?
เชื้อ HIV สามารถติดต่อได้โดยผ่านทั้งทางน้ำอสุจิและ precum แต่หากคุณจะมีสุขภาพฟันและเหงือกที่ดี มันจะไม่เป็นปัญหาที่จะมีเชื้อเข้าในปาก เชื้อ HIV ต้องมีจุดทางเข้า (เช่น บาดแผล) เพื่อที่จะแพร่เชื้อ ดังนั้น คุณอาจต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการได้รับสารคัดหลั่งเหล่านี้ในปากหากคุณเป็นโรคเหงือกอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดชนิดหนึ่งในลำคอหรือแผลในปากอื่น ๆ เราขอแนะนำให้คุณชะลอกิจกรรมทางปากอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหลังจากแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว
จะเป็นอะไรไหมถ้าคุณกลืนมัน?
คุณจะกลืนหรือบ้วนทิ้งก็ได้ แต่ก็อาจจะปลอดภัยกว่าเล็กน้อยที่จะกลืน (แปลกใจไหม!) เพราะจุดทางเข้าของเชื้อ HIV มีแนวโน้มที่จะผ่านแผลที่เหงือกของคุณมากกว่ากระเพาะอาหาร การแพร่เชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากมีโอกาสน้อยมากไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะกลืนหรือบ้วนทิ้ง แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน คุณควรจะทำให้เร็วที่สุดจะดีกว่าเก็บน้ำอสุจิไว้ในปากค้างเป็นระยะเวลานานๆ
สำหรับผู้ที่ให้ฝ่ายอื่นใช้ปากมีเพศสัมพันธ์ด้วยล่ะ?
ไม่มีความเสี่ยงสำหรับการเป็นผู้ที่ให้ฝ่ายอื่นใช้ปากมีเพศสัมพันธ์ด้วย (เย้!)
ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV เป็นเพียงความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือไม่ ยังมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่?
ในขณะที่มีความเสี่ยงต่าต่อการติดเชื้อ HIV แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะติดเชื้อด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น เช่น โรคหนองในเทียม โรคหนองใน และ โรคซิฟิลิส โรคเหล่านี้เป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้น ข่าวดีก็คือโรคเหล่านี้รักษาและหายขาดได้โดยง่าย
โรคซิฟิลิส สามารถแพร่เชื้อผ่านทางปาก ทางทวาร หรือช่องคลอดได้ ซึ่งยังสามารถแพร่เชื้อได้ในขณะเมื่อไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ ปรากฏเลยก็ได้ หากคุณมีคู่นอนหลายคน แม้ว่าคุณจะมีเพศสัมพันธ์ทางปากเท่านั้น จึงเป็นความคิดที่ดีที่คุณจะไปรับการตรวจสุขภาพทางเพศทุก 3 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่า คุณไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับการแพร่เชื้อ HIV นี่คือความจริงสำหรับใครก็ตามที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากบุคคลที่ไม่ติดเชื้อ HIV มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยแล้ว มันจะเป็นการเพิ่มความไวให้กับการติดเชื้อ HIV เนื่องจากมันอาจทำให้เกิดการแตกของผิวหนังและเปิดโอกาสให้กับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ เช่นเดียวกับการไปกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นี่คือเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เชื้อ HIV จะไปจู่โจม หากบุคคลที่ติดเชื้อ HIV มาแล้ว มาเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มอีก การแพร่เชื้อ HIV มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นมาก เนื่องจากการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใด ๆ จะทำให้ปริมาณเชื้อ HIV ในน้ำอสุจิและ precum เกิดขึ้นหรือเพิ่มมากขึ้นได้
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตนเองและคนที่เรามีเพศสัมพันธ์ด้วย ก็คือการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ และไปเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำ ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ติดเชื้อ HIV หรือไม่ เพื่อให้เราแน่ใจได้ว่า เราไม่ได้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นใด
ยังมีคำถามอื่น ๆ อีกหรือไม่?
คุณยังมีคำถามอื่น ๆ อีกหรือไม่? หากคุณไม่แน่ใจว่า คุณมีความเสี่ยงในระดับไหน คุณสามารถค้นหาดูว่า การปฏิบัติทางเพศบางอย่างของคุณอยู่ในระดับความเสี่ยงใดได้ที่นี่ หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อ HIV สุขภาพทางเพศ และยา PrEP องค์กร ACON เปิดการอบรมต่าง ๆ สำหรับชายหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่มชายเอเชียที่เป็นเกย์ด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และการไปร่วมการอบรม คุณสามารถอีเมลหา โครงการชายเอเชียที่เป็นเกย์ได้ที่นี่