คำถามที่พบบ่อย (Ask Us)

ฉันควรทำอย่างไรหากได้รับผลตรวจเป็นบวก?

อาจเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากหลังจากการวินิจฉัยพบว่าติดเชื้อ HIV แล้ว เราสนับสนุนให้คุณติดต่อและพูดคุยกับที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพร้อมจะช่วยเหลือคุณตลอดช่วงเวลานี้ และสามารถจัดหาแหล่งทรัพยากร การสนับสนุน และข้อมูลเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ HIV ในปัจจุบันให้คุณทราบได้

หากคุณอาศัยอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ คุณสามารถเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ ACON หรือพิจารณาการเชื่อมต่อกับบริการแบบเพื่้อนช่วยเพื่อน เช่น a[START]x ที่ให้คุณได้ติดต่อกับผู้ติดเชื้อ HIV คนอื่น ๆ โดยจะอำนวยให้คุณสามารถพบปะกับคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์ของผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ที่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่ได้

หากคุณไม่ได้อาศัยอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ กรุณาติดต่อกับบริการในท้องถิ่น เช่น องค์กรโรคเอดส์ (AIDS council) หรือองค์กร HIV Positive ที่อาจให้การช่วยเหลือคุณได้

ช่วงระยะแฝงของเชื้อ HIV คืออะไร?

ช่วงระยะแฝงของเชื้อ HIV คือ ช่วงเวลาระหว่างการติดเชื้อกับช่วงที่สามารถตรวจเจอเชื้อไวรัสได้อย่างน่าเชื่อถือจากการตรวจโรค กว่าการตรวจโรคจะเจอเชื้อ HIV ในร่างกายต้องใช้เวลา และคนส่วนใหญ่ที่สัมผัสเชื้อ HIV โดยไม่มีการป้องกันจะตรวจพบว่าติดเชื้อภายในเวลา 1 เดือนหลังจากที่สัมผัสเชื้อแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนน้อยที่ใช้เวลาถึง 3 เดือนกว่าจะตรวจเจอ

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อ HIV และช่วงระยะเวลาแฝงได้ที่นี่

การตรวจหาเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นความลับหรือไม่?

ในรัฐนิวเซาท์เวลส์และออสเตรเลีย กฎหมายกำหนดให้การปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเป็นความลับ ซึ่งรวมถึงการตรวจสุขภาพทางเพศ แม้ว่าจะมีบางสถานการณ์ที่ไม่พบบ่อยที่กฎหมายกำหนดให้พวกเขาต้องรายงานข้อมูลหากมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณหรือของผู้อื่น ตัวอย่างเช่น หากมีคนเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ คุณสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความลับของการทดสอบสุขภาพทางเพศของ NSW Health ทางเว็บไซต์ได้ที่นี่

หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ออสเตรเลีย เราขอแนะนำให้คุณหาข้อมูลทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัวของท้องถิ่นนั้น ๆ ก่อน

มีค่าใช้จ่ายการตรวจเท่าไหร่?

คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นหากไปเข้ารับการตรวจที่คลินิกสุขภาพทางเพศของรัฐทุกแห่งทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ และโดยปกติแล้วจะให้บริการตรวจหาเชื้อและรักษาโรคโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง เช่น you[TEST] และวิธีการตรวจจากหยดเลือดแห้ง (Dried Blood Spot testing) ที่ตรวจโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน

การไปพบแพทย์หรือแพทย์ทั่วไปในสถานรักษาพยาบาลอื่น ๆ เพื่อตรวจสุขภาพทางเพศนั้น อาจมีค่าใช้จ่ายสำหรับการให้คำปรึกษา พยาธิวิทยา (ดำเนินการตรวจโรค) และการรักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีสิทธิ์ใน Medicare และสามารถเรียกเก็บเงินจาก Medicare ได้โดยคุณไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าหรือไม่

เราขอแนะนำให้คุณสอบถามก่อนไปปรึกษาแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ตกใจกับใบเรียกเก็บเงินจากสถานรักษาพยาบาล

ฉันมีอาการที่คิดว่าอาจติดเชื้อ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ฉันควรทำอย่างไร?

หากคุณไปมีเพศสัมพันธ์มาและมีอาการต่าง ๆ เช่น มีสารคัดหลั่ง มีหนอง รู้สึกแสบ หรือเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก แสดงว่าคุณอาจเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่วิธีที่จะทำให้แน่ใจได้ดีที่สุดคือ ไปเข้ารับการตรวจโรค

คุณสามารถไปที่คลินิกสุขภาพทางเพศ หรือไปพบแพทย์หรือแพทย์ทั่วไป (GP) ได้  บริการสุขภาพทางเพศบางหน่วยงานเช่น a[TEST] ให้บริการเฉพาะการตรวจคัดกรองแบบไม่แสดงอาการเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาจะไม่รับตรวจให้คุณหากคุณมีอาการ ดังนั้นโปรดตรวจสอบล่วงหน้าว่าบริการไหนเหมาะสำหรับคุณ

หากคุณอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ คุณสามารถค้นหาสถานที่ตรวจได้โดยใช้เครื่องมือ Where To Test ของเรา หรือโทรหาสายข้อมูลเครือข่ายสุขภาพทางเพศรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่ 1800 451 624 เพื่อพูดคุยกับพยาบาลสุขภาพทางเพศและค้นหาสถานที่ตรวจใกล้บ้านคุณ

ผลการตรวจหาเชื้อ HIV ของฉันแม่นยำหรือไม่?

วิธีการตรวจหาเชื้อ HIV สมัยใหม่มีความแม่นยำสูง และการตรวจหาเชื้อ HIV ที่ดำเนินการในสถานรักษาพยาบาลควรถือว่าเชื่อถือได้

เพื่อให้แน่ใจได้ว่า ผลการตรวจของคุณเป็นจริงตามข้อสรุป คุณจะต้องทำความเข้าใจเรื่องช่วงระยะแฝงของเชื้อ HIV และการตรวจนอกช่วงระยะแฝง คนส่วนใหญ่ที่เคยติดเชื้อ HIV โดยไม่มีการป้องกันจะมีผลตรวจเป็นบวกภายใน 1 เดือนหลังการสัมผัสเชื้อ แต่มีกลุ่มคนจำนวนน้อยที่อาจใช้เวลานานถึง 3 เดือน ช่วงเวลาระหว่างที่ได้สัมผัสเชื้อ HIV มาและเวลาที่ตรวจพบเชื้อ HIV เรียกว่าช่วงระยะแฝง หากคุณได้รับผลตรวจเชื้อเป็นลบภายในช่วงระยะเวลา 3 เดือนนี้ คุณจะต้องเข้ารับการตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันผลตรวจของคุณ

หากคุณมีผลตรวจเป็นลบ 3 เดือนหลังจากที่คุณมีโอกาสสัมผัสเชื้อ HIV มาแล้ว นั่นหมายความว่า มีความเป็นไปได้สูงที่คุณไม่ติดเชื้อ HIV ยกเว้นว่ามีความเสี่ยงอื่นต่อการติดเชื้อในช่วงเวลานั้น

ฉันคิดว่าฉันเพิ่งสัมผัสเชื้อ HIV มา ฉันควรทำอย่างไร?

หากคุณคิดว่าคุณเพิ่งสัมผัสเชื้อ HIV มา คุณควรพิจารณาการใช้ยาต้านไวรัสหลังการสัมผัสเชื้อ (ยา PEP) ยา PEP เป็นโดสการรักษา 4 สัปดาห์ที่ผู้สัมผัสเชื้อ HIV สามารถใช้ได้หลังจากที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อ HIV มาเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ เพื่อให้ยา PEP มีประสิทธิภาพ จะต้องกินยานี้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังการสัมผัสเชื้อ คุณสามารถขอรับยา PEP ได้จากคลินิกสุขภาพทางเพศและแผนกอุบัติเหตุและแผนกฉุกเฉินในโรงพยาบาล หากคุณอาศัยอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ คุณสามารถหาที่ตั้งสถานรักษาพยาบาลใกล้บ้านคุณที่สุดโดยติดต่อสายด่วน NSW PEP ที่โทรศัพท์ 1800 737 669 (1800 PEP NOW) หรือไปที่เว็บไซต์ Get PEP

หากผ่านไปมากกว่า 72 ชั่วโมง เราขอแนะนำให้คุณเข้ารับการตรวจกับบริการสุขภาพทางเพศหรือกับแพทย์หรือแพทย์ทั่วไปเพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกของคุณ

การถ่มน้ำลายเพื่อใช้เป็นสารหล่อลื่น ดีหรือไม่?

เราไม่แนะนำให้ใช้น้ำลายแทนสารหล่อลื่น เมื่อเปรียบเทียบกับสารหล่อลื่นที่ผลิตขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ น้ำลายจะแห้งเร็วระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และอาจทำให้เกิดการเสียดสีได้ง่ายขึ้นซึ่งสามารถทำให้เยื่อบุทวารหนักฉีกขาดได้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของสารหล่อลื่นสูตรน้ำ ซิลิโคน และสูตรผสมได้ที่นี่

การช่วยตัวเองร่วมกันมีความเสี่ยงการติดเชื้อ HIV อะไรบ้าง?

ความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อ HIV ผ่านการช่วยตัวเองร่วมกันหรือการสำเร็จความใคร่ด้วยมือนั้นคือ ศูนย์ อย่างไรก็ตาม การแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ประเภทอื่นอาจแตกต่างกัน

การแพร่เชื้อ HIV ต้องผ่านสารคัดหลั่งในร่างกาย (เช่น เลือด น้ำอสุจิ สารคัดหลั่งจากรูด้านหน้าหรือช่องคลอด สารคัดหลั่งจากทวารหนัก หรือน้ำนมแม่) จากผู้ติดเชื้อ HIV ที่ไม่ได้อยู่ในการรักษาและไม่มีปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจหาไม่เจอในการเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่มีผลตรวจเชื้อ HIV เป็นลบ บ่อยครั้ง การติดเชื้อนี้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือเกิดจากการใช้อุปกรณ์ฉีดยาร่วมกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อ HIV และวิธีการแพร่กระจายของเชื้อได้ที่นี่

คู่ของฉันบอกว่าเขา 'undetectable หรือมีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจหาไม่เจอ' ฉันจะติดเชื้่อ HIV จากเขาได้หรือไม่?

หากผู้ติดเชื้อ HIV “มีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจหาไม่เจอ” หมายความว่า พวกเขามีปริมาณเชื้อไวรัสที่ไม่สามารถตรวจเจอได้ หรือที่เรียกย่อว่า UVL และไวรัสในร่างกายของพวกเขาถูกกดไว้ในระดับต่ำ เมื่อผู้ติดเชื้อ HIV มีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจหาไม่เจอ พวกเขาจะไม่สามารถแพร่เชื้อไปยังคู่นอนที่มีผลตรวจเชื้อ HIV เป็นลบได้ ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าเชื้อไวรัสในระบบร่างกายมีไม่เพียงพอที่จะแพร่กระจายเชื้อต่อได้ ปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจหาไม่เจอเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การป้องกันเชื้่อ HIV ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัยและการกินยาต้านไวรัสก่อนการสัมผัสเชื้อ (ยา PrEP)

อ่านเกี่ยวกับปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจหาไม่เจอและการศึกษาที่สนับสนุนประสิทธิผลนี้ได้ที่นี่

ฉันจะติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากได้หรือไม่?

การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปากมีความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ที่ต่ำมาก ความเสี่ยงนี้อาจเพิ่มขึ้นได้หากมีการหลั่่งน้ำอสุจิในปาก และในปากมีบาดแผลและแผลอักเสบ แม้มีการพิจารณาว่าเป็นความเสี่ยงที่ต่ำอยู่

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยงของเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์ทางปากได้ที่นี่

ผลข้างเคียงของยา PrEP มีอะไรบ้าง?

ผู้ที่เริ่มใช้ยา PrEP อาจพบผลข้างเคียงบางอย่าง แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่มีผลข้างเคียงซึ่งอาจได้แก่

• คลื่นไส้
• วิงเวียนและปวดศีรษะ
• เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
• ตะคริวที่ช่องท้อง
• ท้องร่วง

โดยปกติ อาการเหล่านี้จะหยุดหลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์ แต่หากคุณใช้ยา PrEP แล้วมีผลข้างเคียงนานกว่านี้ ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณ ผลข้างเคียงในระยะยาวมีน้อยมากแต่ก็มีความเป็นไปได้  ดังนั้นจึงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำกับแพทย์ของคุณ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ที่นี่

ร้านขายยาของฉันไม่มียา PrEP ยี่ห้อปกติในสต็อก แล้วแบรนด์อื่นจะได้ผลเหมือนกันไหม?

มียา PrEP (Tenofovir Emtracitabine) อยู่หลายยี่ห้อ และแม้ว่าคุณจะคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์เช่น ‘Truvada’ มากกว่า แต่ยี่ห้ออื่นก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ HIV ได้เช่นเดียวกัน

ยา PrEP ทั้งหมดที่ซื้อผ่านร้านขายยาในออสเตรเลียจะเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดสำหรับยาต่าง ๆ ตามการควบคุมโดยองค์กรกำกับดูแลสินค้าเพื่อการรักษา (Therapeutic Goods Administration – TGA) ยา PrEP ที่ซื้อจากเว็บไซต์ที่แนะนำผ่านโครงการนำเข้าส่วนบุคคลจะต้องผ่านการตรวจสอบที่คล้ายกันด้วย

คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ควรระวังได้ในหน้าการซื้อยา PrEP ทางออนไลน์ โดยคลิกที่ ‘Buy PrEP Online’ ของ PrEP Access Now

หากฉันหยุดกินยา PrEP แล้วเริ่มใหม่ ฉันต้องรอนานเท่าใดจึงจะได้รับการป้องกันไวรัสอีก?

การเริ่มกินยา PrEP ใหม่อีกครั้งและการป้องกันไวรัสที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามอัตลักษณ์ทางเพศที่คุณระบุตนเอง

หากคุณเป็นชายตรงเพศ (Cisgender man) คุณจะต้องกินยา 2 เม็ด (ขนาดสองโดส) ระหว่าง 2 ถึง 24 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นให้กินยาหนึ่งเม็ดทุก 24 ชั่วโมงต่อไปหลังจากขนาดสองโดสครั้งนั้น หากคุณเป็นชายข้ามเพศ (Trans man) ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักโดยเป็นฝ่ายรับเท่านั้น คุณสามารถทำตามวิธีเดียวกันนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ปรึกษาเรื่องนี้กับแพทย์หรือแพทย์ทั่วไป

สำหรับชายข้ามเพศที่มีเพศสัมพันธ์ประเภทอื่นทั้งหมด (เช่น การมีเพศสัมพันธ์ด้านหน้า) คุณจะต้องกินยา 1 เม็ดทุกวันเป็นเวลา 7 วันก่อนมีเพศสัมพันธ์เพื่อให้ได้รับการป้องกันสูงสุด จากนั้นให้กินยาหนึ่งเม็ดทุก 24 ชั่วโมงต่อไปหลังจากนั้น

เมื่อใดก็ตามที่ตัดสินใจจะเปลี่ยนวิธีการกินยา PrEP คุณควรแจ้งให้แพทย์ที่สั่งจ่ายยาหรือแพทย์ของคุณทราบเสมอ เพื่อให้แพทย์สามารถแน่ใจได้ว่า คุณได้เข้ารับการตรวจที่จำเป็นและจะได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมใด ๆ เกี่ยวกับการเริ่มต้นและหยุดยาแก่คุณ

อ่านคำแนะนำเกี่ยวกับการเริ่มกินยา PrEP ใหม่อีกครั้งและสิ่งที่ควรทำนอกเหนือจากการใช้ยาครั้งแรกได้ที่นี่

ฉันลืมกินยา PrEP ตามโดส ฉันต้องทำอย่างไร?

ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคุณ คุณอาจสามารถเริ่มต้นตารางการใช้ยา PrEP ใหม่ หรือคุณควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ตัวอย่างเช่น หากคุณเคยกินยา PrEP ทุกวันเป็นระยะเวลาขั้นต่ำตามกำหนดเพื่อให้ได้รับการป้องกันที่ดีที่สุด และพลาดเพียงโดสเดียว คุณควรได้รับการปกป้องในระดับที่ดีจากยาที่ยังมีอยู่ในร่างกายของคุณ ในกรณีส่วนใหญ่ คุณสามารถเริ่มตารางการใช้ยารายวันใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการป้องกันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำให้ปรึกษาสถานการณ์ของคุณกับแพทย์หรือแพทย์ทั่วไปก่อน

หากคุณกินยา PrEP ตามความต้องการ หรือเพิ่งเริ่มต้นใช้ยา PrEP เมื่อไม่นานมานี้ คุณอาจมีความเสี่ยงการติดเชื้อสูงขึ้น และควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด หากคุณติดต่อแพทย์ที่สั่งจ่ายยาไม่ได้ คุณสามารถพูดคุยกับพยาบาลสุขภาพทางเพศได้ทางสายข้อมูลเครือข่ายสุขภาพทางเพศรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่หมายเลข 1800 451 624 (วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 9.00 – 17.30 น.) หรือนอกเวลาดังกล่าว สามารถติดต่อสายด่วน PEP Helpline ได้ที่หมายเลข 1800 737 669 (ตลอด 24 ชั่วโมง) เพื่อระบุระดับความเสี่ยงของคุณ และระบุว่าคุณจำเป็นต้องเริ่มต้นใช้ยา PEP โดสใหม่หรือไม่

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำหากคุณพลาดกินยา PrEP ได้ที่นี่

ความแตกต่างระหว่างยา PrEP และยา PEP มีอะไรบ้าง?

ยา PrEP (pre-exposure prophylaxis หรือ ยาต้านไวรัสก่อนการสัมผัสเชื้อ) เป็นวิธีการป้องกันเชื้อ HIV ที่ผู้มีผลตรวจเชื้อ HIV เป็นลบใช้เป็นยาป้องกันการติดเชื้อ HIV ก่อนที่จะมีโอกาสสัมผัสเชื้อ  สามารถกินได้ทุกวัน ตามความต้องการหรือเป็นช่วงระยะ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาระบุพฤติกรรมทางเพศตามความชอบและประเภทว่าอย่างไร เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับยา PrEP ได้ที่นี่

ยา PEP (post-exposure prophylaxis หรือ ยาต้านไวรัสหลังการสัมผัส) เป็นยาต้านเชื้อ HIV ที่มีโดสการใช้งาน 1 เดือน ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้หากเริ่มกินภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับยา PEP ได้ที่นี่

ฉันจะเข้ารับยา PrEP ได้ที่ไหน?

คุณสามารถขอรับยา PrEP ในออสเตรเลียได้หลายวิธี

สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ใน Medicare คุณสามารถซื้อยา PrEP ได้ในอัตราเงินอุดหนุนผ่านโครงการผลประโยชน์ทางเภสัชกรรม (Pharmaceutical Benefits Scheme – PBS) ในการขอรับยา PrEP คุณต้องไปพบแพทย์หรือแพทย์ทั่วไป หรือไปที่คลินิกสุขภาพทางเพศ ซึ่งพวกเขาจะถามคำถามคุณเพื่อระบุคุณสมบัติของคุณ หากยา PrEP เหมาะกับคุณ พวกเขาจะออกใบสั่งยาให้คุณ และคุณจะสามารถไปรับยา PrEP ได้จากร้านขายยาใกล้บ้านคุณ นอกจากนี้ยังมีร้านขายยาออนไลน์และองค์กรชุมชน เช่น PrEP Access Now ที่อาจเสนอทางเลือกอื่น ๆ ในราคาที่ไม่แพงได้

หากคุณไม่มีสิทธิ์ใน Medicare คุณสามารถนำเข้ายา PrEP อย่างถูกกฎหมายมาออสเตรเลียได้ โดยมักจะเป็นราคาที่เทียบเคียงได้

คุณยังจำเป็นต้องขอใบสั่งยาจากแพทย์หรือแพทย์ทั่วไป จากนั้นให้ไปที่ PrEP Access Now เพื่อดูตัวเลือกการนำเข้าต่าง ๆ

การรักษาการติดเชื้อ HIV มีผลข้างเคียงที่ไม่ดีหรือไม่?

ในช่วงเริ่มต้นที่การติดเชื้อ HIV เป็นโรคระบาดนั้น การรักษามักก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและทำให้ร่างกายอ่อนแอทรุดโทรม แต่ทุกวันนี้ ด้วยยาตัวใหม่ ๆ และยาที่ได้รับการปรับปรุงมากมาย การรักษามีผลเป็นพิษน้อยกว่าและมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงต่ำกว่า อีกทั้งควบคุม HIV ได้ดีกว่าสมัยก่อนมาก หากคุณอยู่ในระหว่างการรักษาการติดเชื้อ HIV และพบว่ามีผลข้างเคียง ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกอื่นที่คุณสามารถทดลองใช้ได้

สัญลักษณ์ "U=U” คืออะไร?

สัญลักษณ์ U=U ย่อมาจาก “Undetectable equals Untransmittable” ซึ่งหมายถึง การมีปริมาณเชื้อไวรัสในระดับที่ตรวจหาไม่เจอ เท่ากับ การไม่สามารถแพร่เชื้อได้ โดยอ้างอิงถึงเบื้องหลังทางวิทยาศาสตร์ของผู้ที่ติดเชื้อ HIV ซึ่งกินยาต้านไวรัสแล้วมีปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจหาไม่เจอ ผู้ที่มีปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจหาไม่เจอไม่สามารถแพร่เชื้อไวรัสไปยังคู่ที่มีผลตรวจเชื้อ HIV เป็นลบได้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณเชื้อไวรัสที่ตรวจหาไม่เจอได้ที่นี่

ค่าการรักษา HIV ในรัฐนิวเซาท์เวลส์มีราคาเท่าไหร่?

ข่าวดีสำหรับผู้ที่ติดเชื้อ HIV ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ไม่ว่าคุณจะมีสถานะ Medicare เป็นเช่นไร ตอนนี้ คุณสามารถเข้าถึงการรักษา HIV ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ประชาชนที่มีสิทธิ์ใน Medicare จะสามารถเข้าถึงยาได้ฟรี โดยผ่านโครงการยกเว้นการชำระเงินร่วม s100 หรือs100 co-payment waiver ซึ่งจะต้องดำเนินการกับแพทย์ในเวลาที่แพทย์ออกใบสั่งยาให้ แพทย์จะจ่ายใบสั่งยาให้พร้อมกับหนังสือการยกเว้นที่ลงนามแล้ว ซึ่งจะสามารถนำไปที่ร้านขายยาในท้องที่ใดก็ได้เพื่อขอรับยา

ส่วนประชาชนที่ไม่มีสิทธิ์ใน Medicare จะต้องเข้ารับการรักษาผ่านร้านขายยาในโรงพยาบาลของรัฐหากต้องการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายใด ๆ

ฉันสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการรักษาได้หรือไม่?

ยา HIV บางชนิดอาจส่งผลต่อความทนทานต่อแอลกอฮอล์ของคุณ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพยาไม่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยทั่วไป แต่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจมีผลต่อการปฏิบัติตามกิจวัตรการกินยาของคุณ ซึ่งอาจทำให้คุณลืมกินยาบ่อย ๆ ได้ หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของแอลกอฮอล์ที่มีต่อยาหรือผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกิจวัตรการกินยารักษาของคุณ เราขอแนะนำให้ปรึกษาทางเลือกกับแพทย์

เชื้อ HIV คืออะไร?

HIV ย่อมาจาก human immunodeficiency virus หรือ เชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องในคน เชื้อ HIV ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันนี้เป็นระบบป้องกันโรคและการติดเชื้อของเรา เมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอย่างรุนแรงจากเชื้อ HIV  อาจทำให้เกิดโรคเอดส์ (AIDS ย่อมาจากคำว่า Acquired Immune Deficiency Syndrome) ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอต่อการติดเชื้อและการเกิดโรคอื่น ๆ และมะเร็งได้

เชื้อ HIV ส่วนใหญ่มีอยู่ในสารคัดหลั่งของร่างกาย เช่น เลือด น้ำอสุจิ ของเหลวจากทวารหนัก ของเหลวจากรูด้านหน้า และน้ำนมแม่ และสามารถติดต่อได้หากสารคัดหลั่งเหล่านี้จากผู้ติดเชื้อ HIV ไปเข้าสู่กระแสเลือดของบุคคลอื่น

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อ HIV ได้ที่นี่

อาการทั่วไปของการติดเชื้อ HIV มีอะไรบ้าง?

อาการของการติดเชื้อ HIV จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน และหากจะพบอาการ มักจะเกิดอาการดังกล่าวในช่วง 1-2 เดือนแรกหลังการแพร่เชื้อ แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคน แต่หลาย ๆ คนจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ซึ่งได้แก่

• มีไข้
• เหนื่อยล้าอ่อนแรงและปวดหัว
• ต่อมน้ำเหลือบวม ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และปวดข้อต่อ
• ผื่นขึ้นตามผิวหนัง
• คลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง
• เจ็บคอและไอแห้ง ๆ
• เหงื่อออกเวลากลางคืน

การพิจารณาอาการเหล่านี้หลาย ๆ อาการประกอบกันอาจทำให้สับสนกับการเจ็บป่วยประเภทอื่น หรือคุณอาจไม่มีอาการเลยก็ได้ วิธีเดียวที่จะทราบสถานะ HIV ของคุณที่เชื่อถือได้คือการไปเข้ารับการตรวจโรค

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของการติดเชื้อ HIV ได้ที่นี่